‘ไทยดอทรัน’ สตาร์ทอัพไทย ใช้เอไอ ยกระดับวงการสุขภาพ

381

ไทยดอทรันใช้ปัญญาประดิษฐ์ บิ๊กดาต้า  พัฒนางานวิ่งไทยสู่มาตรฐานโลก

นายบุญญฤทธิ์  อุยยานนวาระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยดอทรันจำกัด  กล่าวว่า  แรงบันดาลใจในการพัฒนาเทคโนโลยี Face X  เพราะต้องการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านต่างๆให้มากที่สุด โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligent ) ที่สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากอย่างรวดเร็ว ในงานวิ่งมาราธอนที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก  จึงเริ่มพัฒนาเทคโนโลยี Face X  ที่นำระบบการจดจำใบหน้า (Face Recognition) และใช้ร่วมกับการจัดทำ  Big Data/AI มาใช้กับงานวิ่ง  โดยแบ่งเป็น  Face Search เทคโนโลยีที่ใช้ Image processing หรือการประมวลหาภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาภายถ่ายของนักวิ่ง โดยระบบ “Face Search” เป็นระบบการค้นหาภาพจากใบหน้าเพียงโหลดภาพใบหน้าของตนลงในระบบ ระบบจะค้นหาภาพจากใบหน้าใกล้เคียงโดยมีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 95 แสดงผลลัพธ์ภาพได้ค่อนข้างครบถ้วน นักวิ่งไม่จำเป็นต้องหาภาพทีละภาพจากแต่ละกล้องอีกต่อไป

Face ID เทคโนโลยีระบบการจดจำใบหน้านำมาช่วยในการตรวจสอบยืนยันบุคคลของนักวิ่ง ว่าเป็นคนเดียวกัน ตามกฎของ IAAF  โดยรบบ Face ID จะมีการบันทึกประวัติของนักวิ่งที่ระบุไว้ในใบสมัคร  รวมถึงสถิติการวิ่งที่ผ่านมา โดยมีการเก็บข้อมูลนักวิ่ง ตั้งแต่การสมัครด้วยใบหน้าและการรับ BIB และ การ Check In ที่ทุกอย่างเป็นดิจิตอลทั้งหมด เพื่อทำให้การจัดงานเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน มีความถูกต้อง ยุติธรรมกับนักวิ่งทุกคน ตามมาตรฐานสากล รวมถึงกรณีที่ผู้วิ่งเกิดอาการบาดเจ็บก็สามารถดึงประวัติทางการแพทย์ การแพ้ยาต่างๆ ของนักวิ่งเพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างถูกต้องและทันท่วงที

การนำ Big Data มาปรับใช้กับการกีฬาและสุขภาพ ถือเป็นเรื่องที่ใหม่ที่มีความท้าทาย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครทำมาก่อน เพราะก่อนหน้ามีการใช้AI/ Big Data ในการประมวลพฤติกรรมของผู้บริโภคในเชิง Fintech และ Ecommerce เท่านั้น  แต่ Face X ใช้เก็บบันทึกข้อมูลเป็นรายบุคคลซึ่งต้องมีความแม่นยำสูงมาก ซึ่งในอนาคตข้อมูลดังกล่าวสามารถต่อยอดเป็นฐานข้อมูลทางด้านสุขภาพของประชาชนและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานโยบายด้านสาธารณสุขของรัฐ รวมถึงการต่อยอดการทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ 

สำหรับการนำ Big Data/AI มาแก้ปัญหาสำคัญของงานวิ่ง นายบุญญฤทธิ์ อธิบายว่า  ที่ผ่านมาการรับสมัครงานวิ่งมีปัญหาต่างๆจำนวนมาก โดยเฉพาะในการรับหมายเลขประจำตัวผู้วิ่ง(BIB) ที่มักมีการปัญหาการนำ BIB ไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การซื้อขาย BIB ที่มีส่วนทำให้การจัดการแข่งขันเกิดปัญหา เพราะไม่สามารถระบุตัวนักวิ่งที่แท้จริงได้ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการแข่งขัน ดังนั้น เราจึงตัดสินใจในการแก้ปัญหานี้ด้วยการรับสมัครโดย “ใช้ใบหน้า” หรือ Face ID ซึ่งเป็นการจัดทำระบบจดจำใบหน้าด้วยAI ซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบ

นอกจากนี้ Face ID ยังต่อยอดมาที่การค้นหารูปภาพ หรือ “Face Search” เพื่อทำให้การค้นหาภาพทำได้รวดเร็วมากขึ้น  เพราะงานวิ่งแต่ละงานมีภาพถ่ายจำนวนมาก โดยเฉพาะงานวิ่งใหญ่ๆมักจะมีช่างภาพเป็นร้อยคน  ซึ่งการค้นหารูปแบบเดิมๆ ไม่สามารถทำได้ เพราะฉะนั้น Face Search จึงทำให้การหารูปของนักวิ่งง่ายขึ้น  ซึ่งปัจจุบันเว็บ Photo.Thai.Run เป็นเหมือน Photo Stocks ของสังคมนักวิ่ง ที่ทั้งช่างภาพและนักวิ่งสามารถพบกันได้ บริษัทฯ ได้ออกแบบเทคโนโลยีให้อยู่ในรูปของ Platform เพื่อรองรับการเข้ามาใช้งานของคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการรับสมัครการวิ่ง และการค้นหารูป ซึ่งระบบจะไม่มีการล่ม เพราะเราได้ออกแบบเทคโนโลยีที่สามารถ “โคลน” ตัวเองได้  ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภูมิใจเพราะพัฒนาโดยคนรุ่นใหม่ของไทย ที่เรียกว่า “Container Server Based” ซึ่งเป็นเป็น Server ขนาดเล็กที่สามารถโคลนเพื่อรองรับการทำธุรกรรมที่เข้ามาพร้อมๆกันได้อีกทั้งระบบที่ออกมาจะเป็นดิจิตอลและสามารถสแกนโดย QR Quote ได้ทั้งหมดเพื่อให้การบริหารจัดการตั้งแต่รับสมัครจนถึงการวิ่งเสร็จเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด

ข้อมูลจะถูกบันทึกไว้ในแบบของ Big Data แบบ Real Time ทำให้ผลการแข่งขันมีความเป็นธรรมและมีมาตรฐานสากล เพราะที่การรับสมัครแบบเดิมๆที่ผ่านมาที่ต้องมีการโอนเงินเข้ามา สามารถมีการปลอมแปลงเอกสารกันได้ ดังนั้น ระบบที่ออกแบบมาต้องการที่จะแก้ปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากคน (Human Errors) ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดและประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งกรอกเอกสารใบสมัครทำข้อมูลใหม่แต่อย่างใด  นี่คือการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อช่วยให้มนุษย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (Amplify) เพราะ AI มีความสามารถในการจดจำและการประมวลผลให้เร็วกว่ามนุษย์มาก

ที่มา : สำนักข่าวไทย 11 ม.ค. 2019