รองเท้าคู่นี้ ASICS ออกแบบมาเพื่อนักวิ่ง วิ่งได้ไกลขึ้น และใช้แรงให้น้อยลง ล้าน้อยลง เป็นรองเท้าที่ทำให้ ASICS ขยับกลับขึ้นมาแถวหน้าของรองเท้าวิ่งระยะไกลสำหรับขาแรงอีกครั้ง คู่นี้จัดเต็มมาก ให้มาทั้งพื้น Flytefoam เทคโนโลยีโฟมตัวล่าสุดและดีที่สุดจากค่าย ASICS มาพร้อมกับเจลรับแรงกระแทกที่บริเวณส้นเท้าเพิ่มให้อีก โครงรองเท้าเป็นทรง Rocker (ทรงโค้งเก้าอี้โยก) ช่วยทำให้ส่งแรงจากการลงเท้าได้เป็นอย่างดี

ตัวรองเท้า
พื้นรองเท้าส่วนส้นสูง 35 มิลลิเมตร ในขณะที่พื้นรองเท้าส่วนปลายเท้าสูง 29 มิลลิเมตร ทำให้รองเท้าคู่นี้มี drop หรือ แนวลาดเอียงอของส้นเท้าสู่ปลายเท้า เพียง 6 มิลลิเมตร ใส่ได้สบาย ๆ ไม่เหมือนใส่ส้นสูงเหมือนรองเท้า racer หลาย ๆ รุ่นน้ำหนัก 292 กรัม (เบอร์ 9 ผู้ชาย) ถ้ามองที่ขนาดของพื้น และแถมด้วยพื้นเจลที่ส้นเท้า ASICS ทำน้ำหนักขนาดนี้ ถือว่าทำได้ดีมาก

อัปเปอร์ (Upper)
ตัวผ้าด้านบนของรองเท้า เป็นแบบ engineered mesh ตาข่ายทอหลายทิศทาง ทำให้ใส่ได้กระชับดี แถมระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน การทอแบบยืดได้หลายทิศทาง ตอนใส่วิ่งให้ความรู้สึกดีมาก กระชับเท้า ยืดหยุ่นได้เล็กน้อย ทำให้รู้สึกไม่ตึง ไม่คับเกินไป เพิ่มความมั่นคงให้กับเท้าได้ดีทีเดียว ไม่เทไปเทมา หรือไม่รู้สึกว่าถูกมัดไว้แบบถาวร มีบางส่วนที่ทอให้เป็นรูโปร่ง เพื่อช่วยในการระบายอากาศได้ดีขึ้น

พื้นรองเท้าชั้นกลาง (Midsole)
นี่คือพระเอกของรองเท้าคู่นี้ พื้นรองเท้าใช้ FlyteFoam โฟมตัวใหม่ล่าสุดที่น้ำหนักเบา แต่คืนตัวได้เร็วกว่าโฟมอื่น ๆ ที่ผ่านมา ทำให้ได้รองเท้าที่รับแรงกระแทกได้ดี แถมมีน้ำหนักเบาอีกด้วย ที่สำคัญเหมาะกับนักวิ่งทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่ elite เพราะพื้นแบบนี้ไม่เด้งเกินไปแบบรองเท้าที่มีแผ่นคาร์บอน

การควบคุมเท้ายังทำได้ง่ายกว่าโครงสร้างของรองเท้า ออกแบบมาให้มีความโค้งของพื้นรองเท้า ที่ส่วนปลายเท้ามีแผ่น E.V.A. เพื่อคงรูปความโค้งเอาไว้ตลอดระยะเวลาใช้งาน แผ่นนี้ถูกวางเอาไว้ระหว่างพื้นรองเท้าชั้นกลางและพื้นรองเท้าชั้นนอก ความโค้งของพื้นรองเท้าแบบนี้เรียกว่า ทรง Rocker หรือทรงเก้าอี้ม้าโยก ทำให้ลดการเคลื่อนไหวของเท้าส่วนล่างน้อยลง

โดยเฉพาะการยืดหดตัวของเอ็นร้อยหวาย ด้านหลังส้นเท้า และเพิ่มอัตราการส่งแรงคืนกลับ ให้กับเท้าของนักวิ่งได้ดีเข้าขั้นยอดเยี่ยม จุดศูนย์กลางน้ำหนักของรองเท้าคู่นี้ ค่อนไปทางส้นเท้า ทำให้การคืนตัวของวงรอบขาทำได้อย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ เมื่อลงเท้าขณะวิ่ง

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งประเภทลงส้นเท้า หรือลงกลางเท้า ส่วนโค้งของพื้นรองเท้าทำให้วงรอบท่าวิ่งของคุณเป็นไปเองตามธรรมชาติ เรียกว่าไหลไปได้เลย ไม่ค่อยต้องพึ่งแรงดึงของเอ็นส้นเท้า ทำให้ประหยัดแรงและลดความล้าของเท้าและน่องได้ดีมาก ทำให้นักวิ่งวิ่งได้ไกลขึ้น โดยมีความล้าน้อยลง และใช้แรงน้อยลง

พื้นรองเท้าชั้นพื้นรองเท้าชั้นล่าง (Outsole)
ส่วนที่เห็นชัดสุดของพื้นรองเท้าคือร่องกลางเท้า ที่ ASICS ตั้งใจเจาะเพื่อลดน้ำหนักของพื้นรองเท้าลง ถ้าสังเกตุดูจะเห็น pattern ของพื้นรองเท้าที่สลับกับช่องอากาศตลอดพื้นรองเท้า และได้ประโยชน์ข้างเคียงอีก คือเพิ่ม Air Pocket ให้ฝ่าเท้าเพื่อลดแรงกระแทกได้อีกด้วย

ถือเป็นความฉลาดในการออกแบบพื้นของเราเท้ารุ่นนี้ เพื่อเพิ่มความทนทาน ทาง ASICS ใช้พื้นเป็น ยางผสมคาร์บอน (Carbon injected rubber) เพราะถ้าเป็นพื้นยางล้วน พอวิ่งไปซักพักก็จะเริ่มสึก แต่เจ้าตัวยางผสมคาร์บอนนี้ ทำให้พื้นรองเท้าแข็งแกร่งขึ้นอีกนิด ทำให้ทนการวิ่งได้ถึง 500 ไมล์ (800 กม.) กันเลยทีเดียว เรียกว่าจัดฟังก์ชั่นมาให้เต็มมาก

เหมาะกับใคร
คู่นี้เป็นรองเท้าที่อาจจะไม่เหมาะกับนักวิ่งสายสปีดระยะสั้น เพราะกลุ่มนั้นต้องการพื้นรองเท้าแบนกว่านี้ แต่ถ้าเป็นนักวิ่งระยะไกลแล้วละก็ คู่นี้ออกแบบมาเพื่อคุณเลย นักวิ่งที่ต้องการวิ่งไกลขึ้นและใช้แรงน้อยลง วิ่งได้เร็วขึ้น และรับแรงกระแทกได้ดีมาก (เพราะคู่นี้มีมาให้ทั้ง Gel และ โฟมพื้นรองเท้าที่หนารับแรงกระแทก จะทำให้รับแรงกระแทกจากการวิ่งระยะไกล ๆ ได้ดีทีเดียว)

ราคา
คู่นี้ออกมาแล้วหลาย ๆ สีหลายๆลายด้วยกัน บางลายบางสีที่ออกมาใหม่ ราคาอยู่ที่แถว ๆ 5,900 บาท ส่วนลายเก่าหน่อย สามารถหาได้ที่ราคาแถว ๆ 3,900 บาท

โดยส่วนตัว คู่นี้คือคู่ที่เหมาะที่สุดสำหรับผม ผมไม่ใช่คนวิ่งเร็ว แต่ชอบที่จะวิ่งไกล (ส่วนตัวแล้วชอบคู่นี้กว่า Metaracer ซะอีก) คู่นี้ให้ทั้งมาพื้นรองเท้าที่ซัพพอร์ตดีมาก ช่วยเพิ่มความเร็ว ช่วยลดความล้า วิ่งได้ไกลขึ้น ล้าน้อยลง เหนื่อยน้อยลง ในขณะที่ราคาจับต้องได้ โดยรวมแล้วให้ 9/10 เลย